ตอนที่ 17
วันนี้โมรากุลหัวเสียอีก เมื่อเฟียตนักแสดงหญิงไม่ยอมใส่ชุดที่คอสตูมเตรียมไว้ให้ โมพุ่งเข้าไปหาเฟียตบอกว่าฉากที่จะถ่ายวันนี้เป็นฉากต่อเนื่องเสื้อผ้าหน้าผมก็ต้องต่อเนื่อง ถ้าเฟียตไม่ยอมใส่ชุดนี้เราก็ต้องถ่ายซ่อมฉากก่อนหน้านี้
เฟียตบอกว่านั่นเป็นปัญหาของพี่ไม่ใช่ปัญหาของตน
โมปรี๊ดแตกตวาดจนเฟียตสะดุ้ง แต่พอรู้ตัวโมก็ดึงสติกลับมา ถามว่าตอนนี้อารมณ์สีอะไร พอรู้ว่าสีแดงก็ลดลงมา หายใจเข้าออกช้าๆเริ่มนับ เฟียตที่โดนตวาดเห็นโมสงบลงเริ่มนับก็สงสัยว่าทำอะไรของเขา?
พออารมณ์เย็นลง โมบอกทุกคนให้ออกไปก่อนแล้วถามเฟียตว่าไม่อยากใส่ชุดนี้เพราะไม่ปลื้มใช่ไหม เฟียตบอกว่าใช่ โมหว่านล้อมบอกว่าเฟียตใส่ชุดนี้แล้วสวย ชุดนี้แพงมาก เป็นคอลเลกชันใหม่ที่ทางสปอนเซอร์ส่งมาให้เรา นอกจากนี้ยังจะให้พี่พีอาร์มาถ่ายรูปสวยๆให้เฟียตเลือกที่ชอบที่สุด ให้เด็กรีทัชแล้วส่งทำข่าวให้ รับรองปังแน่
เฟียตยอมโดยง่ายแต่มีข้อแม้ตามฟอร์มว่าฉากนี้ฉากเดียวนะ ตนจะลงไอจีตัวเองให้ ติดแฮชแท็กให้ด้วย
“ดีงามค่ะ ขอบใจนะจ๊ะ” โมยิ้มแย้มแจ่มใส สั่งถ่ายต่อเลย
“เจ๊...ทำได้ไงอะ ไปเรียนมาจากไหน” ฝนผู้ช่วยโมถามทึ่ง
“เรียนจากลูก...” โมนึกถึงพีทขึ้นมาทันที แต่ฝนฟังแล้วเหวอไปเลย
วันนี้จุลมาสยกอาหารเช้ามาให้วีแล้วหันไปปอกมะม่วงสุกบอกว่าเจ้านี้หวานมากทั้งหวานทั้งหอม แล้วคะยั้นคะยอให้วีกิน วีจำต้องหยิบมาชิมชิ้นหนึ่ง จุลมาสถามว่าอร่อยไหม แล้วนึกได้ว่าวีไม่ชอบกินมะม่วงสุก วีบอกไม่สบตาว่าวีชอบค่ะ
จุลมาสบ่นตัวเองว่าไม่เคยถามวีเลยว่าชอบผลไม้อะไร เวลาซื้อก็ซื้อแต่ที่แม่ชอบคิดเองว่าวีคงชอบถามว่าแล้ววีชอบผลไม้อะไรบ้าง วีนึกๆแล้วบอกว่าตนชอบมะม่วงเปรี้ยว ไว้กินแก้ง่วงตอนอ่านหนังสือ และชอบมะเฟือง มะดันแต่ชอบที่สุดคือน้อยหน่า จุลมาสบอกว่าวันหลังจะซื้อมาให้และมะม่วงนี่เดี๋ยวแม่จัดการเอง
จากการคุยกันอย่างเปิดใจ ทำให้กำแพงที่เคยกั้นระหว่างแม่ลูกหายไปในพริบตา
หมอก้องบอกครูพรรณีว่าวิธารีดีขึ้นมากแล้ว ครูพรรณีถามว่ากลับไปเรียนได้แล้วหรือ หมอก้องบอกว่าเด็กควรกลับไปสู่ภาวะปกติให้เร็วที่สุด แต่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ หมอให้เพิ่มข้อหนึ่งคือให้คนในครอบครัวร่วมกันทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่ผ่อนคลาย
ทั้งไวทินและจุลมาสไม่รู้จะทำกิจกรรมอะไรเพราะไม่เคยทำ จุลมาสขอให้วีพักที่บ้านสักแป๊บแล้วค่อยกลับไปเรียน เพราะตนอยากปรับความพร้อมของตัวเองด้วย ไวทินเห็นด้วยเพราะเราทั้งสองคนต้องปรับตัวมากพอสมควร พูดขำๆว่านี่ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะทำอะไรกัน